

” ที่มาของรายได้บริษัท
“
การที่เราศึกษาว่าบริษัททำธุรกิจอะไร
มีรายได้มาจากไหนจะช่วยให้เราทราบถึงความสม่ำเสมอของเงินปันผลที่เราจะได้รับ
เพราะว่าเงินที่บริษัทนำมาจ่ายปันผลให้เรานั้นมาจากกำไรของบริษัท
ถ้าบริษัทมีกำไรที่ไม่แน่นอนในแต่ละปี
หมายถึงเงินที่เราจะได้รับก็มีความไม่แน่นอนตามไปด้วย
ยกตัวอย่างเช่นบริษัทที่ทำการขายไฟหรือขายน้ำประปาจะมีรายได้ที่ค่อนข้างแน่นอนกว่าบริษัทที่ทำธุรกิจเหล็กซึ่งส่วนใหญ่จะมีรายได้ที่ขึ้นลงตามราคาเหล็กที่อาจจะไม่ค่อยแน่นอนนัก

” เครดิตภาษี
“
เงินปันผลที่เราได้รับโดยปกติจะต้องเสียภาษีหัก
ณ ที่จ่าย 10%
ซึ่งบริษัทที่เราลงทุนก็มีการเสียภาษีนิติบุคคลเช่นกัน เป็นการเสียภาษีซ้ำซ้อนทำให้เราสามารถขอเครดิตภาษีคืนได้
เป็นการช่วยเพิ่มผลตอบแทนที่เราได้รับ
แต่ถ้าบริษัทที่เราลงทุนได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากรัฐบาลจะทำให้เราขอภาษีคืนได้ไม่เต็มจำนวน
โดยสามารถดูรายละเอียดได้ที่www.set.or.th ในหน้าข่าวหัวข้อประกาศการจ่ายปันผลของบริษัทนั้นๆครับ

“อัตราการจ่ายปันผลจากกำไรสุทธิ”
แต่ละบริษัทจะมีนโยบายจ่ายเงินปันผลที่ไม่เหมือนกัน
โดยจะมีการระบุว่าจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่าร้อยละเท่าไหร่ของกำไรสุทธิหลังหักภาษี
ถ้าบริษัทที่เราลงทุนมีสัดส่วนการจ่ายเงินปันผลต่อกำไรสุทธิที่ต่ำ
บริษัทก็จะมีกำไรสะสมที่มากขึ้น ทำให้ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีหรือบริษัทประสบปัญหาขาดทุน
บริษัทจะมีความเสี่ยงที่จะลดการจ่ายเงินปันผลน้อยกว่าบริษัทที่มีสัดส่วนการจ่ายเงินปันผลสูงๆ
และมีกำไรสะสมที่น้อย

“อัตราผลตอบแทนเงินปันผล”
เราสามารถหาอัตราผลตอบแทนเงินปันผลของหุ้นแต่ละตัวว่าในแต่ละปีหุ้นตัวนั้นๆให้ผลตอบแทนคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ ได้จาก www.set.or.th หรือwww.settrade.com โดยให้สังเกตว่าเป็นการจ่ายเงินปันผลจากการดำเนินงานปกติ
หรือว่าจ่ายปันผลจากกำไรสะสมและกำไรพิเศษ เพราะถ้าเป็นแบบหลัง
จะเป็นการจ่ายเงินปันผลแค่ครั้งคราว ไม่สม่ำเสมอทุกปี
ทำให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลในช่วงระยะเวลานั้นๆอาจจะดูสูงผิดปกติ
อีกทั้งธุรกิจที่กำลังเติบโต
และธุรกิจที่โตเต็มที่แล้วก็จะมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ไม่เท่ากัน
บริษัทที่กำลังเติบโตจะจ่ายปันผลต่ำหรือไม่จ่ายเลย แต่จะเก็บกำไรไว้ลงทุนเพิ่มเติม
ในขณะที่บริษัทที่เติบโตเต็มที่และเป็นบริษัทใหญ่มักจะมีการจ่ายเงินปันผลที่สูงกว่าบริษัทเล็กเพราะจะมีรายได้และกำไรที่ค่อนข้างแน่นอนและสม่ำเสมอกว่า
อีกทั้งจะไม่ค่อยมีโครงการลงทุนเพิ่มเติม

“ระยะเวลาการจ่ายปันผล”
หุ้นของแต่ละบริษัทจะมีการจ่ายปันผลที่แตกต่างกัน
โดยบางบริษัทอาจจะจ่ายปันผลปีละ 1 ครั้ง
ขณะที่บางบริษัทจะจ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง บางบริษัท 3 ครั้ง
ส่งผลให้ในการพิจารณาเลือกลงทุนในหุ้นปันผล
ถ้าหุ้นสองตัวมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลใกล้เคียงกัน
การเลือกลงทุนในหุ้นปันผลที่มีการจ่ายปันผลถี่กว่าจะทำให้เราได้ผลตอบแทนที่สูงกว่า
เพราะเราสามารถนำเงินปันผลที่เราได้รับไปลงทุนต่อยอดให้ดอกผลงอกเงยได้อีกทีครับ

“ช่วงขึ้นเครื่องหมาย
XD”
ก่อนที่บริษัทจะมีการจ่ายปันผลก็จะมีการประกาศล่วงหน้าว่าจะจ่ายปันผลเท่าไหร่
จ่ายเงินให้เราวันไหน และวันที่เท่าไหร่ที่ถ้าเราซื้อหุ้นของบริษัท
เราจะไม่ได้รับเงินปันผล หรือเรียกว่าวันขึ้นเครื่องหมาย XD (Excluding Dividend) โดยปรกติช่วงเวลาการประกาศจ่ายปันผลของบริษัทนั้นๆจะค่อนข้างเป็นช่วงเวลาเดิมในแต่ละปี
การที่เรารู้ว่าบริษัทมักจะประกาศปันผลในเดือนไหนจะช่วยให้เราสามารถวางแผนการเข้าลงทุนได้ว่าเราจะซื้อช่วงใกล้ประกาศปันผลแล้วรับเงินปันผล
หรือเราจะรอให้ราคาหุ้นตกลงหลังวัน XD แล้วค่อยซื้อในราคาที่ต่ำลง
อีกหนึ่งช่องทางติดตามข่าวสารครับ SBI : https://www.facebook.com/sbithaionline/